ครั้งหนึ่งในชีวิต
จากการเดินทางไปภาคเหนือครั้งนี้เป็นการเดินทางที่สนุกมากและยังได้รับความรู้ตลอดการเดินทาง อาจจะการหลับบ้างเป็นบ้างครั้ง และยังได้สัมผัสจากสิ่งที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน อย่างเช่น สัมผัสอากาศหนาว สัมผัสกับอาหารที่มีรสชาติที่แตกต่างไปจากบ้านเรา และสิ่งที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนนั่นคือ การได้สัมผัสกับการเดินทางที่แสนโหดร้ายมากและน่าท้าทายตลอดเวลาจากการไปครั้งนี้เริ่มตั้งแต่วันที่17 มกราคม 2554 เริ่มออกเดินทางจากมหาวิทยาลัยราชภัฎนครศรีธรรมราชตั้งแต่ ตี 4 ซึ่งตอนที่เราออกเดินทางก็มีฝนตกเล็กน้อย แต่ก็ไม่ใช่อุปสรรคกับพวกเรา สถานที่แรกที่เราไปถึงนั่นคือ พระราชวังสนามจันทร์ เป็นที่มีความสวยงามมาก เราไปถึงที่ตอน4โมง แล้วซึ่งเป็นบรรยากาศที่กำลังสบายมากทำให้พวกเราถ่ายรูปกันสนุกมาก เที่ยวกันจนลืมดูเวลาที่นัดกัน จนทำให้พวกเราต้องเสียค่าปรับที่ขึ้นรถสาย นาทีละ 1 บาท ทำให้ต้องเสียค่าปรับ 10 บาท ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี ที่ทำให้เรารักษาเวลามากขึ้นหลังจากเสียค่าปรับไปแล้ว ก็เดินทางไปจังหวัดอยุธยากันเพื่อไปพักกันที่นั้น ระหว่างนั้นก็ทานอาหารเย็นกันที่อยุธยาพวกเราตั้งใจจะทานก๋วยเตี๋ยวอยุธยากันแต่คนเยอะมาก เสียใจมากที่ไม่ได้ทานแต่ก็ไปทานราดหน้ายอดผักแทน ก็อร่อยมากไม่แพ้กับก๋วยเตี๋ยวอยุธยา เมื่อทานอาหารกันเรียบร้อยก็รีบไปรอที่รถกันกลัวจะโดนเสียค่าปรับ แต่ครั้งนี้ก็ไม่โดนปรับเพราะไปถึงรถก่อนเวลา หลังจากนั้นก็เดินทางไปที่พักเมื่อไปถึงที่พักก็มีอาการกลัวเกิดขึ้นเพราะรถบัสได้จอดไว้ปากซอยเข้าที่พักซึ่งทำให้เราต้องเดินเข้าไปซึ่งระยะทางที่เดินไปก็เป็นเส้นทางที่มืดนอกจากมืดแล้วยังมีเสียงหมาเห่าตลอดทาง ไม่ทราบว่าที่เห่านั้นเห่าที่พวกเราเสียงดังหรือเห่าอะไรกันแน่แต่พอไปถึงที่พักก็เป็นที่พักที่นอนสบายมาก ตื่นเช้ามาก็ต้องเดินทางต่อไปที่วัดใหญ่ชัยมงคลซึ่งเป็นที่มีความสำคัญมากแต่วัดที่ประทับมากที่สุด คือวัดหน้าพระเมรุซึ่งเป็นวัดที่มีชัยชนะในสงครามและถือเป็นวัดเดียวที่ไม่ถูกพม่าทำลาย ต่อมาก็ได้เข้าไปวัดพระในอุโบสถและได้ไปไหว้พระที่อยู่ด้านข้างอุโบสถซึ่งเป็นพระพุทธรูปองค์เดียวที่นั่งห้อยเท้าจากการได้สอบถามพระสงฆ์ที่อยู่ในนั้นพระสงฆ์ก็บอกว่ามีอายุประมาณ 1500 – 1800 ปีมาแล้ว แต่จังหวัดที่ประทับใจมากที่สุด คือจังหวัดเชียงใหม่ซึ่งเป็นจังหวัดอยากไปมาก และก็ได้ไปมาเลย และเมื่อได้ไปถึงจังหวัดเชียงใหม่ทำให้ทราบได้ว่าเป็นจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากเป็นพิเศษ เมื่อได้เดินทางมาถึงที่พักที่เชียงใหม่ก็ได้เข้าที่พักซึ่งคืนนี้ถือเป็นคืนที่ตื่นเต้นมาก คือเป็นคืนที่ต้องจัดกระเป๋ากันเพื่อเตรียมตัวไปพักที่บนดอยอินทนนท์ ก็ได้จัดกระเป๋ากันเรียบร้อยก็ได้เข้านอนกันเร็วมาก ตื่นขึ้นมาก็นำกระเป๋าไปเก็บไว้ที่รถและพวกเราก็ได้ไปนั่งรถตู้เพื่อขึ้นไปพระธาตุดอยเทพ แต่เส้นทางที่ได้ขึ้นดอยนั้น เป็นเส้นทางที่ท้าทาย สนุกสนาน และตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลาเพราะเป็นเส้นทางที่น่ากลัวมากๆ แต่ก็มีเพื่อนร่วมทางมีการเมารถกันบ้าง แต่ก็เป็นช่วงเวลาสั้นๆของการเดินทาง เมื่อไปถึงก็ได้พบกับสถานที่ที่สวยงามมากเป็นสิ่งที่ประทับใจมาก และสถานที่ที่ประทับใจมากที่สุดคือดอยปุย ซึ่งหมู่บ้านของชาวเขาที่เขาได้อาศัยอยู่ และได้เห็นอาชีพของชาวเขามากมายที่เขาได้ประกอบอาชีพบนบริเวณนั้น และพวกเราก็ได้ขึ้นใส่ชุดชาวเขากันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งหนึ่งในชีวิตก็ว่าได้ที่ได้ใส่ชุดชาวเขาซึ่งบางคนใส่แล้วอาจจะดูเหมือนกันมากเลย แต่ก็ใส่สวยกันทุกคนและบนดอยก็มีดอกไม้สวยมากๆทำให้พวกเราถ่ายรูปกันจนลืมไปว่าอากาศหนาวแค่ไหน และลืมหาความรู้บนดอยไปเลยมั่วแต่สนุกกับชุดสวยๆอยู่เมื่อได้ถ่ายรูปกันเรียบร้อยก็ลงมาชมสินค้าชาวเขา และก็มีของติดไม้ติดมือลงมาบ้างแต่ก็ไม่เยอะและได้เดินทางไปพระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ เป็นพระตำหนักที่มีดอกไม้สวยมากและดอกไม้ส่วนใหญ่ก็เป็นดอกกุหลาบหลากหลายพันธุ์และตอนบ่ายได้เดินทางไปดอยอินทนนท์เส้นทางไปดอยอินทนนท์ก็เป็นเส้นทางไม่แพ้จากเมื่อตอนเช้า ตอนนั่งรถไปก็เริ่มสัมผัสกับอากาศหนาวไปบ้าง แต่ตอนกลางคืนทำให้พวกเราได้สัมผัสกับอากาศหนาวที่แท้จริงซึ่งตอนกลางคืนอุณหภูมิแค่ 10 องศา แต่ก็ยังสู้ที่ไปอาบน้ำ พอได้ไปถึงก็รู้เลยว่าเหมือนเอาน้ำจากตู้เย็นมาอาบเลย มีอาการปากสั่น ตัวสั่นแสนทรมานกับการอาบน้ำมาก หลังจากนั่นก็ได้นั่งผิงไฟอยู่ตลอดเพื่อเพิ่มความอุ่นให้กับตัวเอง หลังจากนั้นก็ได้เข้านอนกันเพื่อเตรียมความพร้อมที่ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นบนยอดดอยอินทนนท์ซึ่งเป็นจุดสูงสดแดนสยาม พอไปถึงก็รับอากาศที่หนาวสุดๆ ขณะลงจากรถแล้วต้องรีบขึ้นรถใหม่เพราะมีลมพัดมาและหนาวมากๆและได้ไปดู อุณหภูมีแค่ 4 องศา แบบว่าไม่เคยสัมผัสอากาศหนาวแบบนี้มาก่อน ซึ่งถือว่าเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้ไปสัมผัสในการไปภาคเหนือในครั้งนี้ ซึ่งการเดินทางในครั้งนี้ทำให้ได้สิ่งใหม่ๆที่เรายังไม่ทราบมาก่อน ได้รับความรู้จากการได้เห็นพื้นที่จริง สภาพจริงของพื้นที่นั้นๆ หากมีโอกาสครั้งต่อไปก็อยากจะไปอีก เพราะทำให้เราไม่ต้องกบในกะลา เราจะได้เป็นกบที่อยู่นอกกะลาและพร้อมที่จะเผชิญกับโลกภายนอกอย่างมีความรู้ทุกด้าน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น